ให้คำปรึกษาฟรี

英國升學須知

Article Search
กลยุทธ์การเลือกหลักสูตร . การวิเคราะห์ระบบโรงเรียน

[ทางเลือกอื่นสำหรับการศึกษาในสหราชอาณาจักร: หลักสูตร GCSE 1 ปี]

ปัจจุบัน หลักสูตร General Certificate of Secondary Education (GCSE) ในสหราชอาณาจักรเป็นหลักสูตรสองปี นักเรียนเริ่มเรียนวิชา GCSE 8 ถึง 10 วิชาในชั้นปีที่ 10 ทำให้พวกเขาได้รับความรู้ในหลากหลายด้านและช่วยให้พวกเขาได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสนใจและแรงบันดาลใจก่อนสอบ A-Level นอกเหนือจากเส้นทางการศึกษาแบบดั้งเดิมแล้ว นักเรียนจำนวนมากขึ้นได้สมัครเข้าเรียนใน Year 11 ซึ่งเรียกว่า "หลักสูตร GCSE 1 ปี" (One-Year GCSE) ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการศึกษาต่อ นักเรียนและผู้ปกครองอาจมีคำถามเกี่ยวกับ "หลักสูตร GCSE 1 ปี" นักเรียนจะสำเร็จหลักสูตร GCSE 2 ปี ซึ่งโดยทั่วไปต้องเรียน 8 ถึง 10 วิชา ภายในหลักสูตรระยะสั้น 9 เดือนได้อย่างไร ข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับการสำเร็จ "หลักสูตร GCSE 1 ปี" ทั้งหมดมักจะเป็นหกวิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และอีกหนึ่งวิชาเพิ่มเติมในมนุษยศาสตร์หรือภาษา "โรงเรียนยังให้การสนับสนุนด้านภาษาอังกฤษและวิชาการเพิ่มเติมโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาถึงระดับที่กำหนดภายในระยะเวลาอันสั้น" ข้อพิจารณาในการสมัครเรียน "หลักสูตร GCSE 1 ปี" ผู้ปกครองอาจมีคำถามเพิ่มเติมว่า นักเรียนคนไหนเหมาะหรือจำเป็นต้องลงเรียน "หลักสูตร GCSE 1 ปี"? ตามธรรมเนียมแล้ว "หลักสูตร GCSE 1 ปี" เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีอายุประมาณ 15 ปี "อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนจำนวนมากที่เรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นในโรงเรียนในประเทศหรือต่างประเทศที่อาจมีข้อกังขาเกี่ยวกับการเข้าเรียนโดยตรง โปรแกรม A-Levels หรือ IB พวกเขาต้องการใช้เวลาเพิ่มอีกหนึ่งปีเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและหลักสูตรใหม่ ทำให้ 'หลักสูตร GCSE 1 ปี' เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับความต้องการของพวกเขา" การเลือกโรงเรียน: พิจารณารูปแบบการเรียนรู้และเป้าหมายทางการศึกษา สำหรับนักเรียนต่างชาติที่สนใจ "หลักสูตร GCSE 1 ปี" ตัวเลือกหลักคือโรงเรียนประจำเอกชน โดยทั่วไปผู้ปกครองสามารถพิจารณารูปแบบการสอนของโรงเรียนและความใฝ่ฝันในมหาวิทยาลัยของบุตรหลานเป็นปัจจัยหลักในการอ้างอิงและจัดประเภท: Sixth Form College: เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง เช่น Oxford หรือ Cambridge หรือสาขาเฉพาะทาง เช่น การแพทย์หรือกฎหมาย ตัวอย่างหนึ่งที่โดดเด่นคือวิทยาลัย Cardiff Sixth Form ซึ่งมีจังหวะการสอนที่รวดเร็วและมีการเตรียมสอบที่กว้างขวางและการฝึกทำข้อสอบที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนทุกคนสามารถเข้าเรียนในวิชาหรือมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ โรงเรียนประจำเอกชนแบบดั้งเดิม: ผู้ปกครองและนักเรียนบางคนแสวงหาความเป็นเลิศทางวิชาการควบคู่ไปกับชีวิตประจำและกิจกรรมนอกหลักสูตรในโรงเรียนเอกชนแบบดั้งเดิม เช่น Queen Ethelburga's, Downside School, Queen Anne's School, Monmouth School for Boys และอื่นๆ โรงเรียนเหล่านี้ให้ความสำคัญกับทักษะภาษาอังกฤษของผู้สมัครในระหว่างขั้นตอนการรับสมัคร โรงเรียนประจำ "Caring": โรงเรียนประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาที่สมดุลของนักเรียนในด้านวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร และชีวิตในมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะมีผลการเรียนที่ดีและเป็นเลิศในด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ และด้านอื่นๆ เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ใหม่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีโรงเรียนเอกชนบางแห่งที่รวมจุดแข็งของทั้งวิทยาลัยระดับหกและโรงเรียนประจำแบบดั้งเดิมเข้าด้วยกัน พวกเขาเน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและวัฒนธรรมการกินนอนในขณะเดียวกันก็เน้นความเป็นอิสระของนักเรียนในด้านวิชาการและชีวิตประจำวัน โรงเรียนอย่าง d'Overbroeck's เหมาะสำหรับนักเรียนที่มีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีบุคลิกภาพที่พึ่งพาตนเองได้ และมีระเบียบวินัย รูปแบบการอยู่กินนอนของพวกเขายังใกล้เคียงกับชีวิตในมหาวิทยาลัยมากขึ้น ทำให้นักศึกษาสามารถปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตอิสระของนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ล่วงหน้า จากมุมมองของผู้ปกครอง แม้ว่า "หลักสูตร GCSE 1 ปี" จะไม่ใช่ปีแรกเข้าหลัก แต่ก็ให้จุดเปลี่ยนเพิ่มเติมแก่นักเรียน ช่วยให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมศึกษาของอังกฤษได้ในเวลาที่เหมาะสมและเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายส่วนตัวของพวกเขาใน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ใหม่ ผู้เขียนแนะนำให้ผู้ปกครองพิจารณาความใฝ่ฝันในการศึกษาต่อของบุตรหลานก่อนตัดสินใจว่าจะลงเรียน "หลักสูตร GCSE 1 ปี" หรือไม่ โดยเฉพาะในรายวิชาที่ตนสนใจศึกษา ซึ่งจะทำให้การเลือกโรงเรียนและการตัดสินใจด้านการศึกษาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและเหมาะสมมากขึ้น 
2 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
กรณีแชร์ . มหาวิทยาลัยอังกฤษ

การศึกษาในต่างประเทศ: กลยุทธ์ 3 ประการในการสมัครเข้าศึกษาต่อที่สหราชอาณาจักร UCAS

ในปีหลังนี้การศึกษาต่างประเทศกลายเป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยม และสหราชอาณาจักรด้วยระบบการศึกษาและหลักสูตรที่ครอบคลุมเอาไว้ จึงเป็นหนึ่งในที่หลายคนตัดสินใจไปศึกษาต่อที่นั่น การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยผ่านแพลตฟอร์ม Universities and Colleges Admissions Service (UCAS) ในสหราชอาณาจักร เป็นช่องทางสำหรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรทุกแห่งเกือบทั้งหมด รวมถึงสถาบันชั้นนำอย่าง Oxford และ Cambridge (ที่เรียกว่า "มหาวิทยาลัย G5") และมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group หากคุณสนใจที่จะศึกษาในสหราชอาณาจักร ควรศึกษาข้อมูลล่วงหน้าให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในการเลือกมหาวิทยาลัย วินเซนต์ แตง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจที่ LINKEDU แชร์วิธีการสมัครเข้า UCAS ใน 3 กลยุทธ์: 1.เลือกสาขาวิชาก่อนแล้วจึงเลือกมหาวิทยาลัย เมื่อสมัครผ่าน UCAS นักเรียนควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาวิชาที่พวกเขาต้องการเรียนมากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเพียงอย่างเดียว เมื่อเลือกวิชา พวกเขาสามารถตัดสินใจตามทิศทางอาชีพในอนาคต ความสนใจส่วนตัว หรือการผสมผสานของวิชาเลือก โปรดทราบว่าบางวิชาอาจกำหนดให้ผู้สมัครต้องเรียนวิชาเฉพาะเพื่อให้ผ่านเกณฑ์การรับเข้าของมหาวิทยาลัย ตัวอย่างเช่น การเรียนชีววิทยาจำเป็นสำหรับการสมัครโปรแกรมกายภาพบำบัด และการเรียนคณิตศาสตร์และคณิตศาสตร์เพิ่มเติม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโปรแกรมวิทยาการคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ แม้ว่าบางวิชาอาจไม่มีข้อกำหนดของวิชาเฉพาะ แต่การได้ศึกษา "วิชาที่ได้เปรียบ" อาจเป็นประโยชน์ ตัวอย่างเช่น ในหลักสูตรสังคมศาสตร์หลายหลักสูตร การเรียนวิชาที่เป็นลายลักษณ์อักษร (วิชาที่เกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดผ่านการเขียน) สามารถให้ประโยชน์ได้เพราะมักจะเน้นการคิดเชิงวิพากษ์ 2.อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าติดตามการจัดอันดับมหาวิทยาลัย นักเรียนและผู้ปกครองหลายคนกระตือรือร้นที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เช่น Oxford และ Cambridge ("มหาวิทยาลัย G5") หรือมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยทางวิชาการ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการรับสมัคร เนื้อหาหลักสูตร และวิธีการสอนอาจไม่จำเป็นต้องเหมาะกับความชอบส่วนบุคคล ขอแนะนำให้พิจารณาหลักการสี่ประการต่อไปนี้เมื่อทำการตัดสินใจโดยพิจารณาจากผลการเรียนที่คาดการณ์ไว้จากการสอบสาธารณะ: • การจัดอันดับสาขาวิชา: ตามหลักการ "เลือกสาขาวิชาก่อน จากนั้นเลือกมหาวิทยาลัย" จัดลำดับความสำคัญของมหาวิทยาลัยตามการจัดอันดับสาขาวิชาที่คุณต้องการเรียน• เกรดที่คาดการณ์ไว้: เมื่อคุณกำหนดวิชาที่ต้องการเรียนได้แล้ว ให้พิจารณาเกรดที่คาดการณ์ไว้จากการสอบสาธารณะและอ้างอิงอันดับของวิชาเพื่อเลือกมหาวิทยาลัยเป้าหมายที่เหมาะกับคุณ• ประเพณีการสอน: มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจไม่ได้อยู่ในอันดับสูงโดยรวม แต่อาจมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหรือเทคนิคการสอนชั้นนำในสาขาเฉพาะ เช่น กายภาพบำบัด ศิลปะและการออกแบบ หรือการสำรวจ• สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย: หลายคนมองข้ามปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม แต่วิถีชีวิตในเมืองที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่ การพิจารณาด้านความปลอดภัย และแม้แต่สถานที่ล่าสุดสำหรับผู้ถือวีซ่า BNO ก็สามารถมีอิทธิพลต่อการเลือกมหาวิทยาลัยได้ 3.เตรียมพร้อมสำหรับทางเลือกอื่น เนื่องจาก UCAS อนุญาตให้ผู้สมัครแต่ละคนสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้สูงสุดห้าแห่ง นักเรียนบางคนอาจกังวลเกี่ยวกับผลการเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การรับสมัคร ในกรณีเช่นนี้ ขอแนะนำให้พิจารณาทางเลือกต่อไปนี้: รับตรง:มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรบางแห่งรับใบสมัครโดยตรงนอก UCAS ซึ่งไม่นับรวมในโควต้า UCAS และสามารถเพิ่มโอกาสในการตอบรับเพิ่มเติม หลักสูตรปูพื้นฐานสู่มหาวิทยาลัย:หลักสูตรปูพื้นฐานและหลักสูตรนานาชาติปีหนึ่ง ข้อกำหนดการรับสมัครสำหรับโปรแกรมเหล่านี้ค่อนข้างต่ำกว่าข้อกำหนดของ UCAS และให้การสนับสนุนด้านวิชาการและภาษาอังกฤษ เมื่อจบหลักสูตรและมีผลการเรียนตามที่กำหนด นักศึกษาสามารถเข้าเรียนต่อในชั้นปีที่ 1 หรือปีที่ 2 ในมหาวิทยาลัยเดียวกันได้ Vincent เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขจัดความเข้าใจผิดและการจัดลำดับความสำคัญของวิชา ในขณะที่พิจารณาเกรดตามงบประมาณเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการยอมรับ นอกจากนี้เขายังแนะนำนักเรียนที่กำลังสมัครผ่าน UCAS ให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะวิชายอดนิยม และจัดสรรเวลาให้เพียงพอสำหรับการเตรียมเอกสารการสมัคร รวมถึงผลการเรียนที่คาดการณ์ไว้และจดหมายแนะนำจากโรงเรียน ตลอดจนข้อความส่วนตัว หากจำเป็น ขอแนะนำให้ปรึกษากับที่ปรึกษาด้านการศึกษาเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
1 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
ตัวช่วยสำหรับคนที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน . มหาวิทยาลัยอังกฤษ . วิธีการศึกษาต่อในอังกฤษ

[มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร] คู่มือการศึกษาในสหราชอาณาจักรฉบับสมบูรณ์ 2024

สำหรับนักเรียนจำนวนมากและครอบครัวของพวกเขา การเรียนในสหราชอาณาจักรคือความฝันที่เป็นจริงและเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในอังกฤษทางออนไลน์ แต่ก็อาจมีจำนวนมากเกินไปและแยกส่วน ทำให้ยากสำหรับนักเรียนในการตัดสินใจอย่างรอบรู้ สวัสดีครับ ผมชื่อเอเดรียน จบการศึกษาจาก University of Warwick ผมได้ศึกษาในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ชั้นมัธยม ทำให้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นอย่างดี ในบทความนี้ ผมมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่ครอบคลุมและนำไปใช้ได้จริงในการศึกษาต่อในสหราชอาณาจักร ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครและค่าเล่าเรียนไปจนถึงการสมัครร่วม UCAS และวีซ่า โดยเน้นที่ประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะครับ 1. ขั้นตอนการศึกษาในสหราชอาณาจักร ระบบการศึกษาในประเทศไทยและโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติ 1.1. ระบบการศึกษาในประเทศไทยหรือระบบนานาชาติ ➨ หลักสูตรเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย ถ้าคุณไม่ได้วางแผนที่จะสอบ A-Level หลังจากเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 หรือหากคุณไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยหรือสาขาที่คุณชื่นชอบได้โดยตรงหลังจากสำเร็จ A-Level3 ทางเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณหลักสูตร Foundation เป็นคอร์สเตรียมตัวที่ถูกออกแบบโดยมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรสำหรับนักเรียนต่างชาติ นักเรียนสามารถได้รับปริญญามหาวิทยาลัยในระยะเวลาทั้งหมด 4 ปีโดยเรียนหลักสูตร Foundation 1 ปี + หลักสูตรมหาวิทยาลัย 3 ปี โดยทั่วไปแล้ว สาขาวิชาส่วนใหญ่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยผ่านหลักสูตร Foundation ได้ ตราบเท่าที่นักเรียนได้คะแนนตรงตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด (โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 50% - 75%) นักเรียนจะถูกเลื่อนขั้นไปเป็นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน ข้อกำหนดทางวิชาการทั่วไป: ข้อกำหนดทางภาษาอังกฤษ: มีมหาวิทยาลัยประมาณ 130 แห่งในสหราชอาณาจักร โดยมากกว่า 80% ของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ได้รับอนุญาตจากสถาบันการศึกษาระดับนานาชาติในการเสนอหลักสูตรมหาวิทยาลัยพื้นฐานร่วมกับสถาบันเหล่านี้ โดยสถาบันการศึกษาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ CEG, INTO, Kaplan, Navitas, OIEG และ Study Group  ผู้ปกครองหรือนักเรียนอาจกังวลว่านักเรียนต้องทำคะแนนให้ได้ถึงระดับที่กำหนดในวิชาพื้นฐานก่อนที่จะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นวิธีการในการเลือกหลักสูตร Foundation ที่ปลอดภัยคืออย่างไร? 1.2. ระบบการศึกษาในประเทศไทยหรือระบบนานาชาติ ➨  ปีที่ 1 ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัย หากนักเรียนมีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษที่ดีแต่คะแนนๆคะแนน A-Level หรือเกรดในโรงเรียนอยู่ในระดับปานกลาง วิธีการนี้เหมาะสมที่สุด นักเรียนจะเข้าเรียนชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยเมื่อเรียนจบหลักสูตร International Year1  หลังจากเรียนป็นเวลาทั้งหมดสามปี ก็จะถือสามารถสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้ เนื่องจาก International Year 1 เทียบเท่ากับระดับนักศึกษาชั้นปีแรก หลักสูตรจึงมีความยากขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสอบตกในการเข้าเรียนต่อกับทางมหาวิทยาลัย  มหาวิทยาลัยดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงดมีจำนวนไม่มากที่เปิดสอนหลักสูตรInternational Year1 และไม่ใช่ทุกวิชาที่สามารถเรียนต่อผ่าน International Year 1 ได้ โดยทั่วไปแล้ว วิชาที่สามารถเรียนต่อในระดับ International Year1 ได้แก่: ธุรกิจ, วิศวกรรมศาสตร์ , มีเดีย, จิตวิทยา, สถาปัตยกรรม, กฎหมาย, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, ชีววิทยา ฯลฯ International Year One (Pathway Programs): ข้อกำหนดทางภาษาอังกฤษ: มหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตร international Year 1 1.3. ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย ถ้าผลสอบ A-Level ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่ต้องการให้โอกาสตัวเองอีกครั้งในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย/สาขาที่ดีขึ้น หรือหากคุณต้องการกลับมาศึกษาต่อมหาวิทยาลัยระบบอินเตอร์ในไทย วิธีการนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ เพียงแค่เรียนหลักสูตร A-Level 1 ปีและจากนั้นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรที่คุณต้องการผ่าน UK Joint Admissions Service (UCAS) นักเรียนก็สามารถได้ปริญญาในมหาวิทยาลัยในระยะเวลาทั้งหมด 4 ปี หรือหลังจากเสร็จสิ้นหลักสูตร A-Level 1 ปีคุณสามารถสมัครเข้าหลักสูตรมหาวิทยาลัยระบบอินเตอร์ด้วยผลคะแนน A-Level ได้เช่นเดียวกัน 1.4. ระบบนานาชาติ ➨ ปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย หากนักเรียนมีผลคะแนน A-Level/IB อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เส้นทางนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ  นักเรียนสามารถสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษที่ชื่นชอบผ่านทาง UK Joint Admissions Service […]
17 min read
Wilaiporn Pผู้จัดการประจำประเทศไทยของ LINKEDU
Top cross